วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เปรูภายใต้การปกครองของสเปน

เปรูภายใต้การปกครองของสเปน
ในปี พ.ศ. 2075 กองทัพผู้พิชิตของสเปนนำโดยฟรันซิสโก ปีซาร์โร เอาชนะจักรพรรดิอินคาอาตาอวลปา และผนวกเข้าอยู่ใต้การปกครองของสเปน ปีซาร์โรตั้งเมืองหลวงใหม่ที่ลิมาซึ่งกลายเป็นเมืองหลวงของประเทศเปรูในปัจจุบัน สิบปีถัดมา จักรวรรดิสเปนภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮับส์บูร์กได้ตั้งเขตอุปราชแห่งเปรู ซึ่งครอบคลุมอาณานิคมในอเมริกาใต้เกือบทั้งหมด ประมาณสามสิบปีถัดมา อุปราชฟรันซิสโก เด โตเลโดจัดระเบียบดินแดนในปกครองของตนใหม่ ด้วยการทำเหมืองแร่เงินเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักและใช้แรงงานชาวพื้นเมือง ทองแท่งจากเปรูเป็นแหล่งรายได้ของเจ้าสเปนและส่งเสริมเครือข่ายการค้าที่ซับซ้อนที่ไปไกลถึงยุโรปและฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม ในอีกสองศตวรรษต่อมา การผลิตแร่เงินและการกระจายของเศรษฐกิจที่ลดลงทำให้รายได้ของเจ้าสเปนลดลง จึงทำให้สำนักเจ้าของสเปนประกาศการปฏิรูปบูร์บง ซึ่งประกอบด้วยพระราชกฤษฎีกาเพิ่มภาษีและแยกส่วนเขตอุปราชแห่งเปรู กฎหมายใหม่นี้กระตุ้นให้เกิดการกบฏของตูปัก อามารูที่ 2 และความพยายามปฏิวัติอื่น ๆ ซึ่งพ่ายแพ้ทั้งหมด ในช่วงสงครามประกาศเอกราชในอเมริกาใต้ เปรูยังคงเป็นฐานที่มั่นของฝ่ายสนับสนุนกษัตริย์ แต่เปรูก็กลายเป็นประเทศเอกราชจากการต่อสู้ของโฮเซ เด ซาน มาร์ติน และซีมอง โบลีวาร์

สาธารณรัฐเปรู

ในช่วงแรกของการเป็นสาธารณรัฐ การแก่งแย่งชิงอำนาจของผู้นำทางทหารก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพทางการเมือง อัตลักษณ์ของชาติถูกสร้างขึ้นในยุคนี้ จากการที่แนวความคิดสหพันธ์อเมริกาใต้ของโบลีวาร์และสหภาพกับโบลิเวียไม่ประสบความสำเร็จ ช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 24 เปรูมีเสถียรภาพภายใต้การนำของประธานาธิบดีรามอน กัสตียา ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการส่งออกปุ๋ยขี้นก (guano) อย่างไรก็ตาม ทรัพยากรเหล่านี้ถูกใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว เปรูมีหนี้สินอย่างหนัก และการต่อสู้ทางการเมืองก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
เปรูพ่ายแพ้ต่อชิลีในสงครามมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2422 ถึง 2427 เสียดินแดนจังหวัดอารีกาและตาราปากาในสนธิสัญญาอังกอนและลิมา หลังจากปัญหาภายในประเทศหลังสงคราม เปรูกลับมามีเสถียรภาพภายใต้การนำของพรรคซีบิล ซึ่งสิ้นสุดลงหลังเอากุสโต เบ. เลกีอาขึ้นเป็นผู้นำประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ทำให้เลกีอาถูกล้มจากอำนาจ และกำเนิดพันธมิตรประชาชนปฏิวัติอเมริกา (Alianza Popular Revolucionaria Americana) การแข่งขันระหว่างกลุ่มนี้กับกลุ่มชนชั้นสูงและกองทัพเป็นส่วนสำคัญของการเมืองเปรูในอีกสามทศวรรษถัดมา
ในปี พ.ศ. 2511 กองทัพเปรูนำโดยนายพลควน เบลัสโก อัลบาราโด ทำรัฐประหารยึดอำนาจจากประธานาธิบดีเฟร์นันโด เบลาอุนเด รัฐบาลใหม่ทำการปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนมากเท่าไรนัก ในปี พ.ศ. 2518 นายพลฟรันซิสโก โมราเลส เบร์มูเดซ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทนเบลัสโก ยุติการปฏิรูปและนำประเทศเข้าสู่ประชาธิปไตยอีกครั้ง หลังยุคของโมราเลสในปี 2523 เปรูประสบปัญหาหนี้ต่างประเทศสูง เงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ การขนส่งยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง และปัญหาการเมืองที่การใช้กำลังอย่างรุนแรง ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอัลเบร์โต ฟูจิโมริ พ.ศ. 2533-2543 ประเทศเปรูก็เริ่มฟื้นตัวด้วยการปฏิรูปทางการเมืองและการปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้าย แต่ฟูจิโมริก็ถูกกล่าวหาเรื่องอำนาจนิยม การทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้เขาต้องลาออกและหนีออกนอกประเทศหลังจากการเลือกตั้งครั้งปัญหาในปี พ.ศ. 2543 ประชาธิปไตยกลับคืนสู่เปรูอีกครั้งในสมัยของประธานาธิบดีอาเลคันโดร โตเลโด ซึ่งนับแต่นั้นเป็นต้นมา เปรูพยายามกำจัดการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่และสามารถรักษาสภาพทางเศรษฐกิจที่ดีไว้ได้ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันคืออาลัน การ์ซีอา

การปกครอง
เปรูเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน ใช้ระบอบประธานาธิบดี ภายใต้รัฐธรรมนูญปัจจุบัน ประธานาธิบดีทำหน้าที่เป็นประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล โดยได้รับเลือกตั้งเข้ามาอยู่ในตำแหน่งห้าปี และไม่สามารถได้รับเลือกอีกในสมัยถัดไปทันทีได้ ประธานาธิบดีแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่เหลือตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี รัฐสภาของเปรูเป็นแบบสภาเดียว มีสมาชิก 120 คน ได้รับเลือกตั้งเข้ามาอยู่ในตำแหน่งเป็นเวลาห้าปี ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารสามารถเริ่มเสนอร่างกฎหมายได้ โดยร่างกฎหมายจะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาและประกาศใช้โดยประธานาธิบดี สถาบันตุลาการเป็นอิสระตามรัฐธรรมนูญ แต่มีการแทรกแซงฝ่ายตุลาการบ่อยครั้งตลอดประวัติศาสตร์
รัฐบาลเปรูได้รับการเลือกตั้งโดยตรง และการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของประชาชนอายุตั้งแต่ 18 ปีจนถึง 70 ปี ในการเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.ศ. 2549 อาลัน การ์ซีอา จากพรรคอาปริสตาเปรู ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเหนือโอยันตา อูมาลาจากสหภาพเพื่อเปรู สภาปัจจุบันประกอบด้วยสมาชิกจากพรรคอาปริสตาเปรู 36 คน พรรคชาตินิยมเปรู 23 คน พรรคสหภาพเพื่อเปรู 19 คน พรรคเอกภาพแห่งชาติ 15 คน พันธมิตรเพื่ออนาคต 13 คน พันธมิตรรัฐสภา 9 คน และกลุ่มรัฐสภาพิเศษ 5 คน
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศของเปรูที่ผ่านมามักเกี่ยวพันกับปัญหาข้อพิพาทพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ตกลงกันได้ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ปัจจุบันเปรูมีข้อพิพาทกับชิลีเรื่องน่านน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิก เปรูเป็นสมาชิกของกลุ่มในภูมิภาคหลายกลุ่ม เป็นสมาชิกก่อตั้งของประชาคมแอนดีส และเป็นสมาชิกขององค์กรรัฐอเมริกา กองทัพเปรูประกอบด้วยกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ มีหน้าที่หลักคือดูแลความปลอดภัยของอิสรภาพ เอกราช และบูรณภาพดินแดนของประเทศ กองกำลังของเปรูอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงกลาโหม และประธานาธิบดีในฐานะผู้บัญชาการสูงสุด การเกณฑ์ทหารถูกยกเลิกในปี พ.ศ. 2542 และเปลี่ยนมาใช้การเป็นทหารโดยสมัครใจแทน

การแบ่งเขตการปกครอง
ประเทศเปรูแบ่งการปกครองออกเป็น 25 แคว้น (สเปน: región) แต่ละแคว้นแบ่งออกเป็นจังหวัด (provincia) และเขต (distrito) ย่อยลงมาตามลำดับ [ยกเว้นจังหวัดลิมา (Provincia de Lima) ซึ่งเป็นเอกเทศไม่อยู่ในแคว้นใด] แต่ละแคว้นเลือกรัฐบาลท้องถิ่นซึ่งประกอบด้วยประธานและสภา มีวาระ 4 ปี รัฐบาลท้องถิ่นดูแลเรื่องการพัฒนาภูมิภาค โครงการลงทุนสาธารณะ ส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการจัดการทรัพย์สินสาธารณะ จังหวัดลิมาบริหารโดยเทศบาลมหานครลิมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น